การลุกฮือของชาวNovgorod ในปี 1136: การต่อสู้เพื่ออำนาจและการถือกำเนิดของสาธารณรัฐNovgorod

การลุกฮือของชาว Novgorod ในปี 1136 เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์รัสเซียยุคกลาง ที่สะท้อนถึงความขัดแย้งระหว่างชนชั้นสูงและชนชั้นสามัญ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำคัญในดินแดนนี้

ก่อนเหตุการณ์ครั้งนี้ Novgorod เป็นศูนย์กลางการค้าที่มีความเจริญรุ่งเรืองในรัสเซียยุคกลาง อยู่ภายใต้การปกครองของเจ้าผู้ครอง đất (Prince) ซึ่งมักจะมาจากราชวงศ์ Rurik แต่権 force ของเจ้าผู้ครอง đất นั้นไม่ 절대적 และมีการคัดเลือกโดยสภาที่ประกอบด้วยขุนนางและตัวแทนจากประชาชน

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 12 ความตึงเครียดระหว่างเจ้าผู้ครอง đất กับชาว Novgorod เริ่มเพิ่มขึ้น เจ้าผู้ครอง đất บางคนพยายามที่จะขยายอำนาจของตนและควบคุมการค้าของเมืองอย่างเข้มงวด ขณะที่ชาว Novgorod ต้องการรักษาสิทธิและเสรีภาพของตน

เหตุการณ์สำคัญที่นำไปสู่การลุกฮือเกิดขึ้นเมื่อเจ้าผู้ครอง đất Vsevolod Mstislavich พยายามที่จะบังคับให้ชาว Novgorod จ่ายภาษีอย่างหนัก และกีดกันพวกเขาจากการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของเมือง

ในปี 1136 ชาว Novgorod ไม่สามารถทนต่อการละเมิดสิทธิและการกดขี่ของเจ้าผู้ครอง đất ได้อีกต่อไป พวกเขาลุกขึ้นต่อต้าน Vsevolod Mstislavich และขับไล่เขาออกจากเมือง การลุกฮือนี้เป็นความสำเร็จอย่างยิ่งสำหรับชาว Novgorod เพราะพวกเขาสามารถพิสูจน์อำนาจของตนและเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมือง

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ Novgorod ได้เปลี่ยนแปลงระบบการปกครองไปเป็นสาธารณรัฐ โดยไม่มีเจ้าผู้ครอง đất แต่มีสภาที่ประกอบด้วยตัวแทนจากประชาชนซึ่งจะทำหน้าที่บริหารเมือง สภา Novgorod ยังได้สร้างกองทัพของตนเองเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากภายนอก

การลุกฮือของชาว Novgorod ในปี 1136 เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์รัสเซียยุคกลาง และมีผลกระทบที่ยั่งยืนต่อการพัฒนารัฐชาติรัสเซีย

• การกำเนิดของสาธารณรัฐ Novgorod: การลุกฮือนำไปสู่การก่อตั้งสาธารณรัฐ Novgorod ซึ่งเป็นหนึ่งในสาธารณรัฐที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปตะวันออก
• การเสริมสร้างอำนาจของชนชั้นสามัญ: การลุกฮือแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการต่อสู้และเรียกร้องสิทธิของชาว Novgorod

ตารางเปรียบเทียบระบบการปกครองก่อนและหลังการลุกฮือ:

การลุกฮือของชาว Novgorod ในปี 1136 เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของการต่อสู้เพื่อเสรีภาพและความยุติธรรมในประวัติศาสตร์รัสเซีย