การก่อตั้งอาณาจักรMajapahit ในศตวรรษที่ 13: อิทธิพลทางการเมืองและวัฒนธรรมของเกาะชวา

blog 2024-11-17 0Browse 0
การก่อตั้งอาณาจักรMajapahit ในศตวรรษที่ 13: อิทธิพลทางการเมืองและวัฒนธรรมของเกาะชวา

อาณาจักร Majapahit ที่ยิ่งใหญ่ ถือกำเนิดขึ้นในดินแดนเกาะชวาแห่งหมู่เกาะอินโดนีเซียเมื่อศตวรรษที่ 13 การก่อตั้งอาณาจักรนี้ไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองอันรุ่งเรืองสำหรับเกาะชวา อิทธิพลของ Majapahit แผ่ขยายไปทั่วหมู่เกาะอินโดนีเซียและดินแดนอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทิ้งมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญไว้ให้แก่โลก

รากฐานแห่งอำนาจ: แหล่งกำเนิดและการ उदมการณ์ของ Majapahit

ก่อนการก่อตั้งอาณาจักร Majapahit เกาะชวาอยู่ในสภาวะแบ่งแยก การปกครองของอาณาจักร Singhasari ซึ่งเคยเป็นใหญ่ในเกาะชวา ได้เริ่มเสื่อมถอยลง ราชวงศ์ Kertanegara มักถูกมองว่าเป็นยุคทองของ Singhasari แต่หลังจากการสิ้นพระชนม์ของ Kertanegara ในปี ค.ศ. 1268 กองกำลัง centrifugal ก็เริ่มปรากฏขึ้น

ในขณะที่อาณาจักร Singhasari ใกล้จะล่มสลาย Jayanegara ราชโอรสองค์เล็กของ Kertanegara ได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระบิดา การขึ้นครองราชย์ของ Jayanegara นั้นเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝัน และการขาดความนิยมในหมู่ขุนนางและประชาชนทำให้เขารู้สึกไม่มั่นคง

เมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ Gajah Mada ข้าหลวงผู้มีความสามารถและจงรักภักดี ได้เข้ามาช่วยเหลือ Jayanegara Gajah Mada เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ไกล เขารับรู้ถึงความจำเป็นในการรวมพลังของเกาะชวา และได้วางแผนที่จะสถาปนาอาณาจักรใหม่ที่แข็งแกร่งขึ้น

จากการสนับสนุนของ Gajah Mada Jayanegara ได้ก่อตั้งอาณาจักร Majapahit ในปี ค.ศ. 1293 ชื่อ Majapahit ถูกนำมาจากชื่อของหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะชวา ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวัง

การขยายตัวของอาณาจักร: กำลังทหารและนโยบายต่างประเทศ

Gajah Mada เป็นผู้บัญชาการทหารที่มีความสามารถ เขาระดมกำลังทหารจากทั่วทั้งเกาะชวา และนำกองทัพ Majapahit ไปสู่ชัยชนะในหลายครั้ง การขยายตัวของอาณาจักรเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

Gajah Mada ยังเป็นนักยุทธศาสตร์และนักการทูตที่ชาญฉลาดด้วย เขาได้ใช้ “Sumpah Palapa” (คำสาบานของ Palapa) เป็นเครื่องมือในการรวมกลุ่มประเทศต่างๆ ภายใต้การปกครองของ Majapahit

** Sumpah Palapa ** เป็นคำสาบานที่ Gajah Mada วางไว้ในการพิชิตอาณาจักรต่างๆ ทั่วหมู่เกาะอินโดนีเซีย โดยเขาระบุว่าจะไม่หยุดยั้งจนกว่าจะมี “ผู้ปกครองศาสนารักษาความมั่นคงของอาณาจักร”

นโยบายต่างประเทศของ Majapahit เน้นการรวมกลุ่มและความร่วมมือ Gajah Mada ส่งทูตไปยังประเทศต่างๆ เพื่อสร้างพันธมิตรและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

**ศาสนา: ศูนย์กลางของวัฒนธรรม Majapahit **

ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเป็นศาสนาหลักของอาณาจักร Majapahit ความเชื่อทางศาสนานี้ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในศิลปะ โบราณคดี และวรรณกรรมของ Majapahit

King Hayam Wuruk และ Mahapatih Gajah Mada เป็นผู้ที่ส่งเสริมศาสนาพราหมณ์-ฮินดูอย่างแข็งขัน

**มรดกทางวัฒนธรรม: ความงดงามของ Majapahit **

อาณาจักร Majapahit ทิ้งมรดกทางวัฒนธรรมไว้มากมาย เช่น

  • ศิลปะ:
ประเภท ลักษณะ
ประติมากรรม มีรูปปั้นเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูที่วิจิตรสวยงาม
สถาปัตยกรรม ปรางค์ขอม โบราณสถานและวัดที่แสดงถึงความงดงามของสถาปัตยกรรม Majapahit
วรรณกรรม “Nagarakretagama” เป็นข้อความที่สำคัญที่สุด ซึ่งบันทึกประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของ Majapahit
  • ดนตรี:

Gending Sriwijaya

  • นาฏศิลป์: Wayang Kulit (หุ่นเงา)

การล่มสลาย: สุดท้ายของยุคทอง

หลังจากการสิ้นพระชนม์ของ King Hayam Wuruk และ Mahapatih Gajah Mada อาณาจักร Majapahit เริ่มอ่อนแอลง การขาดผู้นำที่มีความสามารถและการบุกโจมตีจากอาณาจักรรอบข้างทำให้ Majapahit ค่อยๆ สลายตัว

แม้ว่าอาณาจักร Majapahit จะล่มสลายลง แต่ก็ยังคงเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์เกาะชวา มรดกทางวัฒนธรรมของ Majapahit ยังคงมีอิทธิพลต่อประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

บทสรุป:

การก่อตั้งอาณาจักร Majapahit เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญในประวัติศาสตร์อินโดนีเซีย Majapahit นำความเจริญและความมั่นคงมาสู่เกาะชวา และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นหลัง.

Latest Posts
TAGS