ในศตวรรษที่ 2 อาณาจักรโรมันได้รุ่งเรืองถึงขีดสุด อารยธรรมกรีก-โรมันแผ่ขยายไปทั่วดินแดนเมดิเตอร์เรเนียน การค้าเจริญฟูมฟัก สถาปัตยกรรมและวิศวกรรมก้าวหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ
ในยุคทองของจักรวรรดิโรมันนี้ เมืองเอเฟซัสซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของตุรกีในปัจจุบัน ถือเป็นเมืองท่าสำคัญและศูนย์กลางการค้าอันรุ่งเรือง ทว่าความเจริญรุ่งเรืองของเมืองถูกขัดขวางด้วยสภาพภูมิศาสตร์ที่ไม่เอื้ออำนวย แม่น้ำCaysterซึ่งไหลผ่านเมืองเอเฟซัสมีปากแม่น้ำตื้นเขิน ทำให้เรือสินค้าขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงท่าเรือได้
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ และเพื่อแสดงอำนาจและความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิโรมัน จักรพรรดิฮาดริอาน (Hadrian) ทรงมีพระบัญชาให้สร้างสะพานโบราณข้ามแม่น้ำCayster
การก่อสร้างสะพานแห่งนี้เป็นความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในด้านวิศวกรรม ไม่ใช่เพียงเพราะขนาดของสะพานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเทคนิคการก่อสร้างที่ล้ำสมัยด้วย
- วัสดุ: สะพานถูกสร้างขึ้นจากหินแกรนิตและหินอ่อน นำมาจากเหมืองหินที่ไกลออกไป
- โครงสร้าง: สะพานมีรูปแบบโค้งหลายช่วง (multiple arches) สร้างความมั่นคงให้กับสะพาน แม้จะต้องรองรับน้ำหนักของเรือสินค้าขนาดใหญ่
- การขนส่ง: การขนส่งวัสดุจากเหมืองหินมายัง chantier ก่อสร้างเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก
ชาวโรมันได้คิดค้นวิธีการใหม่ๆในการขนส่งวัสดุ เช่น การใช้แพโบราณและระบบรอกขนาดใหญ่
รายละเอียดของสะพาน | |
---|---|
ความยาว: ประมาณ 300 เมตร | |
จำนวนโค้ง: 7 โค้ง | |
ความกว้าง: 10 เมตร |
นอกจากการแก้ไขปัญหาทางภูมิศาสตร์แล้ว สะพานโบราณแห่งนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของเมืองเอเฟซัสอีกด้วย การขนส่งสินค้าที่สะดวกขึ้น ทำให้เมืองเอเฟซัสกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
จากการสำรวจทางโบราณคดีในปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญสามารถสร้างภาพของสะพานโบราณแห่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์ และแม้ว่าตัวสะพานจะถูกทำลายไปแล้วเนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว
ร่องรอยที่เหลืออยู่บนพื้นดินยังคงยืนยันถึงความยิ่งใหญ่ของวิศวกรรมโรมัน และเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความเจริญรุ่งเรืองของจักรวรรดิโรมันในสมัยนั้น
การก่อสร้างสะพานโบราณที่เมืองเอเฟซัส เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิศวกรรม และความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมกรีก-โรมัน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกว่า 2,000 ปีแล้ว แต่ร่องรอยของสะพานแห่งนี้ก็ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้แก่เราในปัจจุบัน